Sunday, May 04, 2014

EURO2014 ตอน โจรล้วงกระเป๋า และ เกือบตกเครื่อง

มาเที่ยวรอบนี้เจอแก๊งยิปซีล้วงกระเป๋าตัวเป็นๆ ซะด้วย เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากดู Pantheon เสร็จแล้ว ก็เดินไปที่สถานี METRO เพื่อขึ้นรถกลับที่พัก หลังจากเข้าสถานีไปตรงชานชลารอรถไฟ ก็สังเกตุเห็นแก๊งนี้ เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงหน้าตาแบบยุโรปตะวันออก  และทุกคนในแก๊งจะมีกระเป๋าสะพายข้างคนละใบ  fit profile มิจฉาชีพเป๊ะล้าน% พอเห็นปุ๊บ สัญชาติญาณบอกให้เดินไปรอ METRO ด้านที่ไกลๆเด็กพวกนี้  พอรถวิ่งออกไปได้สถานีนึงและจอดเสร็จก็มีคนตะโกนอย่างดังว่า "POLICE!" พร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายของเด็กกลุ่มนี้ ผ่านหน้าเราไป (มันวิ่งตรงชานชลา เรานั่งอยู่ในรถ) 

จุด Climax อยู่ตรงที่ผู้ชายฝรั่งเศสคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเรา เค้ายื่นมือออกจากประตูรถไปคว้าเด็กคนที่วิ่งช้ากว่าคนอื่นไว้ได้  อีเด็กนี่พอโดนจับก็สติแตกแล้วเริ่มร้องไห้ 

คนที่โดนล้วงกระเป๋าเป็นลุงแก่ๆสองคน ดูท่าทางยังสติแตกพอกัน เหมือนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากระเป๋าสตางค์โดนล้วงไปแล้ว และก็มีเจ๊ผิวดำคนนึง เจ้ากี้เจ้าการชี้ตัว เหมือนกับว่าจะช่วยเป็นพยานให้ ถึงตอนนี้รถหยุดวิ่งเกือบสิบนาทีแล้ว และฝรั่งก็เริ่มมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะเดียวกันเจ้าเด็กนี่มันก็พยายามแก้ตัวว่ากระเป๋าลุงเค้าตก เลยเก็บมาเฉยๆ ไม่ได้ล้วง ไม่มี๊ ... เอ่อ คงมีคนเชื่ออ่ะนะ เพื่อนแกวิ่งกันตับแลบหนีไปแบบนั้น แล้วหน้าตาท่าทางน้องก็โคตร fit profile ของแก๊งมิจฉาชีพเลยว่ะ

หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์ครั้งนี้กับตาตั้งแต่ต้นจนจบ เลยอยากมาเตือนคนที่ได้อ่านตรงนี้ ให้เลิกพกกระเป๋าสตางค์เหมือนตอนอยู่เมืองไทย เวลาไปเที่ยว เก็บกระเป๋าสตางค์เอาไว้ที่บ้านแล้วไปซื้อกระเป๋าคาดเอวมาใช้แทน ปลอดภัยสบายใจกว่า และยังทำให้รู้ว่าคนท้องถิ่นที่นี่เค้าก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับมิจฉาชีพ แต่ถ้านักท่องเที่ยวเองยังประมาทและไม่ใส่ใจอยู่ ใครจะช่วยอะไรได้

รีวิวเกี่ยวกับปารีส ก็ขอจบที่ตอนนี้ เพราะมีเวลาแค่สามวันแบบไม่เต็ม ถ้าถามว่ามาเที่ยวปารีส กี่วันถึงจะพอ คงตอบได้แค่ว่าอย่างน้อยที่สุดก็ 3 วัน น่าจะเป็นระยะเวลาที่เพียงพอที่จะเก็บจุดที่เป็นไฮไลท์ได้หมด 

 จุดหมายต่อไปคือ เวนิส อิตาลี ซึ่งจะเดินทางไปโดยเครื่องบินของ Air France จากสนามบิน CDG ไป Marco Polo Airport นับว่าเป็นการไปบินที่ตื่นเต้นในทางไม่ดีที่สุดแล้ว ด้วยความประมาทกะเวลาผิดเองไปเชคอินสายทำให้เกือบตกเครื่อง ต้องขอพนักงานลัดคิวโหลดกระเป๋าและต้องวิ่งกันแบบไม่คิดชีวิตไปขึ้นเครื่อง ก็เป็นบทเรียนที่ดีและสอนให้รู้ว่า "ไปเชคอินที่สนามบิน ก่อนเวลาออกอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเสมอ"

เนื่องจากความรีบและความเหนื่อย เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรระหว่างนี้แม้แต่รูปเดียว ไปรีวิวต่อที่เวนิสเลยละกัน -_-"

No comments: