Saturday, September 07, 2013

EUROPe in REWiND #015

Everything that has a beginning, has an end..
การเดินทางตามความฝันของเรา ก็มาถึงวันสุดท้าย

ในวันนี้ เราตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพื่อเดินไปยัง Charles Bridge
และสัมผัสกับมนต์ขลังของสะพานแห่งนี้ ที่จางหายไปในระหว่างวัน


Prague Old Town ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ก็เป็นเมืองร้างดีๆนี่เอง


Astronomical Clock ที่ปรกติจะเต็มไปด้วยผู้คน กลายเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว

 และนี้คือสเน่ห์ของ Charles Bridge ของจริง
ที่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาเพื่อพบเจอ 


จุดที่ปรกติจะเต็มไปด้วยผู้คน ก็ว่างโล่ง
เห็นรูปปั้นโดนลูบจนมันเลื่อมแล้วก็เหนื่อยใจ


ไม่เข้าใจว่าจะลูบกันทำไม
พวกความเชื่อว่าลูบนู่นลูบนี่ แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น 
น่าจะมาจากทัวร์ไกด์ซะมากกว่า บอกต่อๆกันไป ลูกทัวร์ก็มาลูบกันทุกคน
ของดีๆเสียหมด เจอแบบนี้คงไม่มีใครอยากเอาของเก่าตัวจริงมาตั้งหรอก
เค้าก็เอาไปเก็บรักษา และเอาของเลียนแบบมาติดให้คนลูบแทนให้หนำใจ

ไอ้พวกที่บอกว่าลูบแล้ว จะได้กลับมาอีก
ไม่เห็นเกี่ยวเลย อยากมาก็มาดิ ใครจะมาห้าม งงสุดๆพวกความเชื่อแบบนี้ -.-


พอเห็นรูปนี้ แล้วรู้สึกกลับมารัก Prague เหมือนเดิม
ความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยได้สัมผัส มันก็ยังไม่หายไป
เพียงแต่มันหนีไปแอบอยู่ลึกๆ ทำให้เราต้องค้นหามันมากขึ้นแค่นั้นเอง

ก็ขอแนะนำทุกคน ที่อ่านมาถึงตรงนี้ ;)
ตีห้าครับ ลากตัวเองออกมาจากเตียงให้ได้
Charles Bridge ในรูปแบบเดิมๆ ยังรอคุณอยู่เสมอ


ซาบซึ้งจนหนำใจแล้ว ก็ต้องออกเดินทางกลับ Frankfurt
วิธีการเดินทางที่ประหยัดและรวดเร็ว จาก Prague ไปก็คือการนั่งรถบัส
จาก Prague ไป Nurnberg เสียก่อน
แล้วค่อยต่อรถไฟจาก Nurnberg ตรงไปยัง Frankfurt(M) Flughafen Fernbf
ซึ่งคือสถานีรถไฟของ Frankfurm Airport  อีกที


การจองตั๋วรถบัสทำได้ไม่ยาก ก็จองโดยตรงจาก DB BAHN ได้เลย
จองล่วงหน้า ราคาถูก ถูกใจกระเหรี่ยงจนๆอย่างเรายิ่งนัก  
รถบัส operate โดย Student Agency เจ้าเก่า รับประกันคุณภาพ
แต่รถข้ามประเทศแบบนี้ ไม่มี Free Wifi นะ


การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 20 นาที
เรียกว่าวันสุดท้าย เสียไปกับการเดินทางฟรีๆ

ดังนั้นจึงขอย้ำอีกที ว่าจองตั๋วเครื่องบิน ให้จองไปเมืองแรก
และกลับจากเมืองสุดท้ายตอนค่ำๆ 
โรงแรมที่พักวันสุดท้ายให้เลือกดีๆเอาแบบฝากกระเป๋าหลัง Check Outได้
 และเดินทางไป Airport สะดวก จะทำให้แผนการเที่ยว Perfect เลย


15 วันผ่านไป การเดินทางตามความฝันของเราก็จบลง 
แบบครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรติดค้าง

 


สุดท้ายนี้ ขอปิดด้วยรูปของ Schloss Neuschwanstein
ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ชอบที่สุดในทริปนี้เลย

เจอกันใหม่ทริปหน้า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีตั๋วเครื่องบินถูกให้ซื้อนะครับ
สวัสดี


EUROPe in REWiND #014

วันเกือบสุดท้ายแล้ว
วันนี้เราจะไปลุย Prague Castle (Pražský hrad) กัน
วิธีการเดินทางไป มีด้วยกัน 5 แบบ แตกต่างกันที่ทางเข้า ว่าจะเข้าด้านไหน
สามารถไปดูกันได้ที่เวบไซต์ ตรงนี้
สำหรับเรา ก็เลือกทางที่ 2 เพราะเป็นทางเดินลงเขา จะได้ไม่เสียแรงเกินไป
นอกจากนั้นยังเป็นทางที่พาเราไปเข้าด้านหน้าประตูด้วย

สำหรับทั่วๆไป เค้าแนะนำให้เข้าทาง 2 และออกทาง 4 จะสะดวก ไม่ต้องเดินขึ้นเขา
และออกไปจะเจอ Lesser Town สามารถเดินเล่นชมวิว
และเดินต่อไปข้าม Charles Bridge กลับไปยัง Old Town Squareได้อีก
ถือเป็นเส้นทางที่ดีทีเดียว ในการทำ 1 Day Trip


วันนี้ซื้อตั๋วแบบ 1 Day Pass เพื่อความสะดวก


ไป Prague Castle จะต้องขึ้น Tram #22 ไป หน้าตาก็คล้ายๆแบบนี้
Tram จะมีแบบเก่ากับแบบใหม่ อันนี้น่าจะเป็นแบบใหม่ทันสมัย


ใช้เวลาไม่นาน เราก็เดินมาถึงประตูทางเข้า


เป็นที่รู้กันว่ายามหน้าประตู จะนิ่งทุกคน ยินยอมให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปด้วย
ประหนึ่งเป็นรูปปั้น มีคนยืนเถียงกันอยู่ข้างๆด้วยว่า นี่มันคนจริงหรือหุ่น XD


ก่อนเริ่มเที่ยวก็แวะซื้อตั๋วซะก่อน ซึ่งก็มีสองแบบ คือ Short Visit และ Long Visit
ทั่วๆไปก็ซื้อแบบ Short Visit แหละ เพียงพอแล้ว 


สิ่งแรกที่เข้าไปแล้วจะเจอก็คือ St. Vitus Cathedral
ซึ่งเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของ Czech เลย จะให้เทียบก็เหมือนวัดพระแก้วนั่นแหละ


แต่ก่อน กิจกรรมสำคัญทางศาสนา และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์นั้นล้วนจัดที่นี่ทั้งสิ้น
เช่นพิธีเถลิงราชสมบัติหรือพิธีฝังศพ ที่นี่เป็นสุสานของพระเจ้าแผ่นดิน 
และบุคคลสำคัญทางศาสนาเป็นจำนวนมาก
จะเห็นว่าภายในโบสถ์ เป็นศิลปะแบบ Gothic และไม่ได้มีการตกแต่งสวยงาม
เหมือนที่ผ่านๆมาในเยอรมันและออสเตรีย


สิ่งที่ทำให้ที่นี่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวคือ Stained Glass ที่สวยงามเหลือเชื่อ


หน้าต่างทุกๆบานตกแต่งด้วย Stained Glass 


หลายๆบานเป็นรูปของ Saint ต่างๆ ตามความเชื่อของศาสนา


โดยส่วนตัวแล้วชอบบานนี้มากที่สุด


แม้ว่า Stained Glass จะเป็นสุดยอดแล้ว แต่มีอีกมุมนึงในโบสถ์ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มองข้าม
"Golden Gate"
อยากบอกว่าตรงนี้ เป็นจุดที่ทุกคนควรมาดูสักครั้งก่อนตาย  สวยมากกกกกกกกก


การเดินดูข้างใน St. Vitus Cathedral เป็นแบบ One Way 
เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวสวนกันไปมา และระบายคนได้รวดเร็ว
เพราะฉนั้นอยากถ่ายอะไร ให้ถ่ายให้จบ ก่อนจะเดินผ่านไป

รูปนี้คือประตูด้านหน้าของ St. Vitus ซึ่งมีคนขวางอยู่ตลอดเวลา
รูปนี้เห็นว่าไม่มีอะไร แต่จังหวะถ่ายโล่งๆแบบนี้มีแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น


ออกจาก St. Vitus Cathedral ก็ได้เวลาไปดูอย่างอื่นต่อ
ใน Short Visit Ticket เค้าบอกว่า มันรวมสถานที่ตามนี้

St. Vitus Cathedral, Old Royal Palace, St. George's Basilica, 
Golden Lane with Daliborka Tower

ก็แสดงว่าเราเหลืออีก 3 จุด


Old Royal Palace นี่ก็ประมาณนี้ เข้าไปเดินฆ่าเวลาเล่นๆ
ไม่มีอะไรน่าสนใจแม้แต่อย่างเดียว


ถัดมาก็จะเป็น St. George's Basilica

 

ซึ่งก็สามารถบรรยายให้จบได้ในรูปเดียว เพราะมันไม่มีอะไรเลย แค่นี้นะ


สุดท้าย ท้ายสุดก็คือ Golden Lane ซึ่งในสมัยก่อนเป็นที่อยู่ของคนรับใช้ 
จะว่าไปก็ประมาณสลัมนั่นแหละ บ้านหลักเล็กมาก แบ่งเป็นห้องๆที่นึกไม่ออกว่าอยู่กันไปได้ยังไง
ยิ่งฝรั่งตัวโตๆ เข้าไปนั่งในบ้านก็หมุนตัวแทบไม่ได้แล้ว


ที่น่าสนใจกว่าคือ Collection ของชุดเกราะอัศวิน และอาวุธต่างๆ 
ที่จัดแสดงอยู่ชั้นบนของ Golden Lane


หลังจากจบ Golden Lane  เราก็ย้อนกลับมาดู Treasury of St. Vitus
ซึ่งเป็นงานจัดแสดงแยก ต้องซื้อตั๋วดูต่างหาก ราคาแพงกว่า Short Visit Ticket เสียอีก
แต่ Collection ด้านในนี้สวยงามมาก คุ้มกับเงินที่เสียไป
ของพวกนี้เป็น Collection ของราชวงศ์ ที่สะสมมานาน ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 11 เลย

พอดูแล้ว ก็คิดถึงว่าขนาดราชวงศ์ไม่ได้ใหญ่มาก ยังมีของขนาดนี้
แล้วถ้าอังกฤษเอาของที่มีอยู่ และไปขโมยเค้ามา ออกมาจัดแสดง นี่จะขนาดไหน


ด้านในห้ามถ่ายรูป จึงขอยืมรูปจากเวบไซต์ของต้นทาง มาลงให้ดู
สำหรับคนที่ไม่ชอบประวัติศาสตร์ และศิลปะ อาจจะเบื่อได้
ถ้าไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ด้านนี้ ก็ไม่ต้องเสียเงินเข้ามาดูก็ได้

จบจาก Treasury of St. Vitus ก็เป็นอันสิ้นสุด การตะลุย Prague Castle


จุดต่อไปที่เราจะไปดูคือ จุดชมวิวสะพาน 4 อัน ซึ่งอยู่ที่ Letná Park
การเดินทางไปก็อาศัย Tram เหมือนเดิม 
ให้มาลงที่สถานี Čechův most แล้วเดินขึ้นเขาด้านข้างๆไป 
จุดชมวิวนี้สามารถเอา Google Maps เดินไปดู Street View ก่อนได้ เพื่อศึกษาเส้นทางเดินขึ้นไป


ปิดท้ายด้วยรูปดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่ใน Letná Park
ไม่น่าเชื่อว่าเที่ยวเพียงแค่นี้ ก็หมดวันแล้ว เหมือนแทบไม่ได้ดูอะไรมากมายเลยเนอะ ว่ามั้ย ?
พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายของทริปซะอีก เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วอย่างน่าใจหาย

EUROPe in REWiND #013

วันที่ 13 กองกำลังเคลื่อนพลต่อไปยังเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย
จะเป็นเมืองอะไรไปไม่ได้ นอกจาก Prague  เมืองที่เคยมีคนบอกว่าโรแมนติกที่สุดในโลก


การเดินทางจากเมือง Ceský Krumlov ไป Prague นั้นค่อนข้างสะดวก
สำหรับการเดินทางสุดฮิตของคนไทย นั้นก็คงเป็นรถบัสของ Student Agency
การจองตั๋วสามารถจองผ่านเวบไซต์โดยตรงได้เลย และก็สามารถเลือกที่นั่งได้อีกด้วย


จุดขึ้นรถของ Student Agency นั้นคือป้าย Český Krumlov, AN ซึ่งอยู่ด้านนอกตัวเมืองนิดนึง
ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที โดยถ้าต้องลากกระเป๋าด้วยก็ต้องเผื่อเวลาไว้นิดหน่อย
สถานีรถบัสเป็นลานกว้างๆ มีป้ายและเลขกำกับ แต่ละป้ายจะมีจุดหมายปลายทางเขียนไว้เรียบร้อย


 นั่งรอสักพัก รถบัสก็มาถึง สีเหลืองเด่น


 ที่นั่งในรถค่อนข้างโอเค ไม่ถึงกับกว้าง แต่ก็นั่งสบาย และมี Free Wifi ให้ใช้ด้วย 


การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จุดหมายปลายทางคือสถานี Praha, Na Knížecí


เดินจากป้าย Praha, Na Knížecí มานิดหน่อย ก็จะเจอสถานีรถใต้ดิน Anděl ซึ่งอยู่ติดๆกัน


 การเดินทางใน Prague ส่วนใหญ่ก็จะใช้ Metro และ Tram เป็นหลัก ซึ่งก็มีรายละเอียดแผนที่ให้ดูที่นี่
 ตั๋วที่นิยมใช้กันมีสี่แบบคือ 30 นาที 90 นาที 1 วัน และ 3 วัน ก็เลือกซื้อเอาตามความเหมาะสม
ดูรายละเอียดได้ที่ Fare ส่วนการซื้อตั๋วก็ซื้อได้จากสถานนี ร้านขายของชำ และตู้อัตโนมัติ 
เออ แต่ตู้อัตโนมัติมันรับแต่เหรียญนะ ถ้ามีแต่แบงค์ก็อดไป ระวังไว้นิดนึง


 เป้าหมายของเราคือสถานี Náměstí Republiky ซึ่งอยู่ห่างจาก City Center ไม่มาก
ตอนเลือกโรงแรมก็ไม่ค่อยได้คิดอะไร แค่ดูทำเลมีสถานี Metro และ Tram ผ่าน เดินทางไม่ยาก
แต่พอมาถึงแล้ว พบว่าแถวนี้เป็นทำเลที่โอเคทีเดียว
เพราะมี PALLADIUM ที่เป็นศูนย์การค้า และมี BILLA ซึ่งเป็น Super Market ชื่อดังอยู่ใกล้ๆ

โรงแรมที่พักคือ Hotel ibis Praha Old Town ที่มีราคาไม่แพงมากนัก และคุณภาพดี


จากโรงแรมเราก็มุ่งหน้าสู่ Old Town Square ทันที ไม่ให้เสียเวลาเที่ยว 
ใครที่มาถึงที่นี่ คงไม่พลาด Astronomical Clock อันนี้หรอกเนอะ 
ทุกชั่วโมงจะมีตัวนู่นนี่เต้นให้ดู แวะมาตอน 00 สักรอบก็ดีนะ
 


 หันหน้าไปอีกด้านจะเป็น Church of Our Lady before Týn (Týnský chrám)
 แต่เสียดายที่โบสถ์แห่งนี้มีร้านค้าขวางอยู่ข้างหน้า เลยดูแปลกๆไปนิด



 ตรงกลางของ Old Town Square มี Jan Hus Memorial ตั้งอยู่
 ไม่แน่ใจว่าทำไมนกมันต้องชอบยืนบนหัวคนด้วย เจอประจำ


มุมอีกด้านของ Old Town Square มี St. Nicholas's Church อยู่ 
จริงๆแล้วมีโบสถ์ชื่อเดียวกัน อยู่อีกอันที่ฝั่ง Lesser Town ซึ่งเรายังไม่ได้ไปดูในวันนี้


  ระหว่างที่เดินไปยัง Prague Jewish Quarter นั้นเราก็ได้พบเจอ Ferrari คันงาม 
ส่วนตัว Jewish Quarter นั้นไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเรา จึงไม่ได้เสียเงินเข้าไปดูด้านใน


 ตัดข้ามไปที่ฝั่ง Lesser Town ซึ่งต้องข้ามแม่น้ำไป
เค้าเรียกกำแพงอันนี้ว่า John Lennon Wall
ซึ่งมีคนมาขีดเขียนสิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก John Lennon
ที่เป็นสัญลักษณ์อันแสดงถึงความรัก และเสรีภาพ (จากเพลง Imagine)
กล่าวถึงประวัติศาสตร์กันนิดนึงละกัน เมื่อก่อน Czech Republic มีชื่อเรียกว่า Czechoslovakia
  และมีการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์
 ในช่วงที่ประเทศมีการเปลี่ยนแปลง เกิดการปะทะกันระหว่างนักศึกษาและทหาร 
มีการนองเลือดมากมาย กำแพงนี้ก็เป็นเหมือนสถานที่ระลึกถึงความสูญเสียในครั้งนั้น
ในอดีตทางการเคยเอาสีขาวมาทาทับกำแพงแห่งนี้ แต่แล้วก็โดนพ่นเละเหมือนเดิม
สุดท้ายก็เลยตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย


"War is Over" .. คำที่มีความหมายครบสมบูรณ์อยู่ในตัวเอง


 ถัดจาก John  Lennon Wall มีสะพานเล็กๆ 
ที่ไม่รู้ทำไม ถึงมีคนเอาแม่กุญแจมาติดไว้เต็มไปหมด เยอะอย่างที่เห็น


ขณะที่กำลังเดินออกมาจากสะพาน ก็มีแกงค์แว๊นสองล้อแวะมา
ไม่รู้ว่าเป็นรถอะไร ประหลาดดีแท้ อยากลองขี่บ้าง


กลับมาถึง Highlight ของเมืองนี้ นั่นก็คือ Charles Bridge (Karlův most)
Charles Bridge นี่สร้างมาตั้งแต่ปี 1357 แล้วเสร็จประมาณปี 1402 ก็คือเกือบห้าสิบปี
จริงๆแล้วสะพานนี้ไม่ได้เรียกว่า Charles Bridge ตั้งแต่แรก แต่ผู้ริเริ่มการสร้าง
นั้นคือ พระเจ้า Charles IV สะพานนี้เลยได้รับการตั้งชื่อในภายหลังเพื่อให้เกียรติแก่เค้า

แต่เดิม สะพานนี้ใช้เป็นจุดเชื่อมในการเดินทางระหว่าง Prague Castle และ Old Town เท่านั้น
ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย และ Karlův most นี่ก็แปลว่า สะพานหิน .. เป็นชื่อที่ดูไม่มีอะไรน่าสนใจแม้แต่น้อย


ในทุกๆวันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล เดินผ่านสะพานแห่งนี้ 
รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า นักวาดภาพ และนักแสดงอีกจำนวนมาก ปักหลักทำการค้าที่นี่
โดยส่วนตัว คิดว่าความโรแมนติกของสะพานแห่งนี้ มันขาดหายไปยังไงไม่รู้



บนสะพานมีรูปปั้นกว่า 30 อันตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ
แต่ทว่าสิ่งที่เห็นในปัจจุบันเป็นของทำเลียนแบบทั้งหมด ไม่ใช่ของดั้งเดิม



พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไปตรง Prague Castle ซึ่งเป็นจุดหมายของเรา ในวันพรุ่งนี้



ปิดท้ายด้วยรูป Charles Bridge ที่ถ่ายไว้ตอนปี 2005
หลายปีผ่านไป มนต์ขลังของสะพานแห่งนี้มันก็ค่อยจางหาย 
ตอนนี้กลายเป็นสะพาที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทุกกระเบียดนิ้วซะแล้ว