EURO2014 ตอน Doge's Palace & Bridge of Sigh

เวนิสเป็นเมืองที่มีนกพิราบเยอะมาก และนักท่องเที่ยวก็ดูไม่กลัวเจ้านกพวกนี้เลย อย่างน้องคนนี้ซื้อข้าวสารมาล่อนก แล้วก็ลูบหัวอย่างมีความสุข คุณแม่ยิ้มแฉ่งอยู่ด้านหลัง ถ้าเป็นพ่อแม่คนไทยคงไม่อยากให้ลูกไปเล่นกับนกพิราบที่อาจเป็นพาหะของเชื้อโรคหรือเปล่านะ

ครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นหอระฆัง เพราะคิดว่าวิวคงไม่ค่อยสวย หอที่เห็นอยู่นี่สร้างเลียนแบบขึ้นใหม่ เพราะหออันเก่านั้นอยู่ๆก็ถล่มลงมาเมื่อปี 1902

Doge's Palace อยู่ถัดจากโบสถ์ San Marco เป็นที่อยู่และที่ทำงานของ Doge (อ่านว่าโดจิ) ซึ่งเป็นชื่อเรียกตำแหน่งเจ้าเมืองของเวนิส มีอำนาจบริหารเบ็ดเสร็จ 

คนที่จะมาเป็น Doge จะต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกที่ซับซ้อนมาก เพื่อป้องกันการโกง นอกจากตำแหน่งนี้จะกำหนดคุณสมบัติไว้สุดโหดแล้วและผู้ที่ได้เป็นจะต้องย้ายมาอยู่ที่ Doge's Palace แบบถาวรแถมยังไม่ได้รับเงินเดือนเลยอีกด้วย ทำให้คนที่มาเป็นมักเป็นผู้สูงอายุใกล้ม่องแล้ว มีหลายครั้งหลายคราที่ Doge กลับบ้านเก่าไปหลังจากรับตำแหน่งเพียงไม่นาน และตำแหน่งนี้ไม่มีกำหนดเวลาแปลว่าได้รับเลือกแล้วก็เป็นไปจนตายนั่นแหละ ในปัจจุบันไม่มี Doge แล้วนะ เพราะตำแหน่งนี้ถูกยกเลิกไปในปี 1797 โดยนโปเลียน

ราคาค่าเข้าชม Doge's Palace ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับที่อื่นในอิตาลี สำหรับคนที่อยากจะอินมากขึ้นจะมีทัวร์พิเศษที่เรียกว่า SECRET ITINERARIES TOUR ซึ่งจะพาไปชมบางห้อง ที่ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมอีกด้วย

เนื่องจากภายใน Doge's Palace ห้ามถ่ายรูป เราจึงไม่มีอะไรมารีวิวต่อ ดังนั้นจะไปต่อกันที่ Bridge of Sigh ละกัน -_-"  มันเป็นสะพานที่เชื่อมคุกกับ Doge's Palace และนักโทษจะต้องเดินผ่านตรงนี้ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่จะได้เห็นโลกภายนอกก่อนจะถูกขังลืม ดังนั้นเค้าเชื่อว่านักโทษก็จะมองออกมาแล้วถอนหายใจ ปลงกับชีวิตที่กำลังจะมาถึง เป็นที่มาของชื่อสะพานอันโด่งดัง

Bridge of Sigh เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าชม Doge's Palace เราเลยลองไปมองดูบ้าง ก็เห็นเป็นแบบในรูปด้านบน (ตรงคุกนี้ถ่ายรูปได้เพราะไม่มีอะไรสำคัญ มีแต่ห้องขังง่อยๆกับทางเดิน แต่ภายในห้องหลักๆของ Doge's Palace เค้าห้ามนะ)

 ตอนนี้ขอลาไปด้วยภาพรวมดาราของเวนิสที่ประกอบไปด้วย Basilica, Campanile, Gondola และ Doge's Palace ก็แล้วกัน