Monday, August 26, 2013

EUROPe in REWiND #011

เผลอแว๊บเดี๋ยว ผ่านไป 11 วันแล้ว
และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเที่ยวในเวียนนาอีกด้วย 
เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็ว


วันๆนึงไปเที่ยวได้แค่ 2-3 ที่เท่านั้นเอง อยากมีเวลามากกว่านี้ >.<
วันนี้เราเริ่มต้นที่ Schönbrunn Palace (Schloss Schönbrunn)
โดยการขึ้นรถสาย U6 ตรงไปที่สถานี Schönbrunn เลย



นั่งรถไฟแว๊บเดียวก็มาถึง



แม้เราจะมาแต่เช้า แต่นักท่องเที่ยวส่วนนึงก็มาถึงพร้อมเราเหมือนกัน
วันนี้เราจะใช้ใบบุญจาก Sisi Ticket ที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน เข้าชม Grand Tour



พระราชวัง Schönbrunn เป็น Summer Residence ของราชวงศ์ Habsburgs
สร้างตามศิลปะแบบ Rococo โดยมีจำนวนห้องถึง 1441 ห้อง
วันนี้ท้องฟ้าเป็นใจ ไม่มีเมฆให้เห็นเลย



มี Fast Lane ให้สำหรับคนใช้ Sisi Ticket 
แต่ตอนที่เราไปยังคนไม่เยอะ เลยไม่เห็นความแตกต่าง



ภายในพระราชวัง ห้ามถ่ายรูป แต่ก็ไม่พ้นมีพวกฝรั่งถ่อย คอยแอบหยิบกล้องถ่ายอยู่ตลอด
พวกนี้มันรู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเค้าห้าม พอเจ้าหน้าที่เดินมา มันก็รีบเก็บกล้อง ทำหน้าเนียนทันที

เจ้าหน้าที่อนุญาติให้ถ่ายรูปออกทางหน้าต่างได้ เราจึงมีมุมสวยๆเช่นนี้มาฝากกัน
สวนทางด้านหลังเรียกว่า The Great Parterre ซึ่งมี Neptune Fountain (Neptunbrunne) 
และ Gloriette ให้เห็นลิบๆ



เดินตากแดดหัวไหม้มาสักพัก ก็ถึงน้ำพุ 
แต่เราไม่ได้เดินไปที่ Gloriette เพราะเวลาไม่เอื้ออำนวย
เวลาเที่ยวนี่มันไม่เคยพอเลยจริงๆ T*T


พอเกรียมได้ที่เราก็เดินกลับมาที่ Schönbrunn  มุมนี้สวยดีเลยเก็บภาพมา



จากสวนด้านหลังก็เดินกลับออกมาทางด้านหน้า แวะถ่าย Model จำลอง



เนื่องจากเวลาที่จำกัด เลยจำเป็นต้องกินอาหารด่วนอีกแล้ว



จาก Schönbrunn เรากลับมานั่งรถราง ไปจุดหมายถัดไปนั่นคือ Belvedere 
การเดินทางไปที่นี่ ให้ใช้รถรางเบอร์ D  ไปลงที่สถานี Schloss Belvedere จะเดินน้อยที่สุด


มีนักท่องเที่ยวมาแบบเดียวกับเราเพียบ เรียกว่าลงเกือบหมดทั้งคัน



Schloss Belvedere เป็น Museum Complex ที่ประกอบไปด้วยหลายส่วน
เช่น Upper Belvedere, Lower Belvedere , Orangery และอื่นๆ
การเข้าดูแต่ละส่วนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ทำให้เราต้องเลือกกดูแค่ส่วนเดียว
และส่วนที่เราเลือกก็คือ Upper Belvedere ซึ่งมีผลงานของ Gustav Klimt "The Kiss" อันเลื่องชื่อจัดแสดงอยู่
ภาพ "The Kiss" ก็คือรูปในโบร์ชัวร์นี่แหละ ของจริงมัน Amazing มาก
ภายใน Upper Belvedere ยังมีผลงานภาพวาดชั้นยอดจัดแสดงอยู่อีกหลายชิ้น


ภายใน Belvedere ห้ามถ่ายรูป ก็เลยตัดจบไป และมาต่อแบบเดิมคือถ่ายออกจากหน้าต่าง
แสดงให้เห็น Belvedere Garden และมี Lower Belvedere อยู่ลิบๆ
การจัดสวนเป็นแบบ French Garden ซึ่งเลียนแบบมาจาก การจัดสวนที่พระราชวัง Versailles



เราเลยเดินไปในสวน จนถึงน้ำพุ และถ่ายรูปย้อนกลับไปที่ Upper Belvedere 
กว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ได้ ไกลพอตัว นอกจากนั้นการจะมาตรงนี้ ต้องเดินอ้อมสวนไปไกล 
ไม่สามารถเดินลัดมาจากทางเดินข้างๆได้ แกล้งคนมาเที่ยวชัดๆ



จากด้านหลังสู่ด้านหน้า 
ตรงจุดนี้เอง ที่เราเจอมิจฉาชีพพยายามจะล้วงกระเป๋า
ในขณะที่กำลังตั้งใจถ่ายภาพนี้อยู่ และแฟนยืนกางร่มให้นั้น
มีผู้หญิงยิปซี ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว แอบมารูปซิปเป้ด้านหลังของแฟน
มือเบาใช้ได้ แต่ไม่เบาพอ แฟนเราเลยรู้ตัว และขยับเอามือไปจับดู พร้อมกับหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
นางโจรก็เนียนทันที ยกกล้องขึ้นมาเล็งถ่ายรูป Belvedere  แชะๆ
ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชั้นเป็นนักท่องเที่ยว
และแล้วก็รีบฉากหลบออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว พร้อมเพื่อนโจรอีกคน

จากที่มองสำรวจดูในตอนนั้น 
ด้านหลังเราไม่ค่อยมีคน มีนักท่องเที่ยวอยู่แค่ 2-3 คน นอกจากพวกเรา
ไม่แน่ใจว่าเป็นแกงค์เดียวกันหรือเปล่าด้วย 

สรุปว่ากระเป๋าเป้ช่องนอกสุดโดนเปิด แต่ข้างในมีแค่เศษกระดาษกับขยะของกิน
โจรคงดูแล้วไม่มีอะไรให้ขโมย จากนั้นเลยมาเปิดช่องด้านใน แต่ไม่เก่งพอ
แฟนเราเลยรู้ตัว เพราะมันต้องใช้แรงและสะเทือนมากกว่าซิบนอก

การเที่ยวครั้งนี้ เราเตรียมตัวพร้อมรับมือกับโจรเอาไว้อย่างดีแล้ว
ไม่มีการเก็บของมีค่าไว้ในจุดล่อแหลม ไม่มีการใส่เครื่องประดับ หรือเสื้อผ้าราคาแพง
แต่ก็ยังโดนจนได้ แม้จะไม่มีอะไรหาย แต่ก็รู้สึกเซ็งนิดหน่อย

จากเรื่องที่เกิดขึ้น สอนให้รู้ว่า เราป้องกันดียังไง ก็ยังมีโอกาสโดน
ดังนั้นของมีค่าและเอกสารสำคัญ ถ้าต้องเอาไปด้วย ให้เก็บไว้ช่องในสุด ลึกสุด 
และใส่ในซิปอีกชั้นไว้ด้วย พวกโจรมือเบาจะได้ขโมยได้ยากขึ้น
ถ้าจะไปปารีสหรืออิตาลี คงต้องซื้อเป้ที่รัดกุมกว่านี้ไป

เสียเงินซื้อกระเป๋าเป้ยี่ห้อดีๆ ที่มีช่องเก็บรัดกุมเอาไว้ซะ อย่าประมาท
(ยี่ห้อที่ทำกระเป๋าเดินทาง คงพอรู้กันนะ)
ไม่กี่พันบาท ดีกว่าโดนขโมยของตอนเที่ยวอยู่
เสียอารมณ์ เสียเวลา และมีแนวโน้มจะเสียหายมากกว่าเยอะ



จาก Belvedere เราก็เดินทางไปจุดหมายสุดท้าย นั่นคือ Kunst Haus Wien
ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานของ Friedensreich Hundertwasser



ตัว Hundertwasser เป็นคนที่ไม่ชอบเส้นตรง จึงทำทุกอย่างโค้งๆเบี้ยวๆ
เค้าบอกว่าเส้นโค้งคือธรรมชาติ ส่วนเส้นตรงเป็นของที่มนุษย์สร้างขึ้น
ผลงานภาพวาดของเค้า ใช้สีฉูดฉาดและจินตนาการอันลึกล้ำ ไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ดูตัวอย่างได้ที่ http://www.kunsthauswien.com/en/museum



พื้นที่ภายในจะไม่มีส่วนไหนเรียบเลย ลุ่มๆดอนๆ 
แกบอกว่า มนุษย์พึ่งมาเดินบนพื้นเรียบ แค่ในช่วงไม่กี่ร้อยปีนี้เอง 
ซึ่งพื้นเรียบๆก็ทำขึ้นเองทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้มนุษย์ ก็เดินบนพื้นแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าพันธุ์
แล้วทำไมคนคิดว่าสิ่งที่เค้าทำ มันประหลาด ?


ตั๋วเช้าชมก็ไม่ถูกนะ ถึงแม้จะเป็นสถานที่เล็กๆ ราคาแทบไม่ต่างกับที่อื่นๆที่ผ่านมาเลย



ออกจาก Kunst Haus มาเราก็ขึ้นรถรางมาแถวๆ Vienna City Hall เพื่อมาเดินดูสถาปัตยกรรมสวยๆ
เจองาน Film Festival พอดี เลยแวะเข้าไปดู


ก็คล้ายๆงานวัดนี่แหละ มีของกินเพียบ



มีใครสนใจดูดโมฮิโต้กับเค้ามั้ย 



ปิดท้ายที่ Austrian Parliament 
จบจากตรงนี้ ก็กลับโรงแรม เตรียมตัวเดินทางสู่ Český Krumlov
ไข่มุกเม็ดงามแห่งโบฮีเมีย ในวันถัดไป


No comments: