Sunday, August 11, 2013

EUROPe in REWiND #006.1

 จากมิวนิค ก็ขึ้นรถไฟไปจุดหมายถัดไป ซึ่งอยู่ในประเทศออสเตรีย
ระหว่างนั่งรถไฟ  จะเล่าถึงรายละเอียดของตั๋ว EURail ให้ฟัง
ตั๋วนี้ อนุญาติให้เราขึ้นรถไฟภายในประเทศที่เราเลือก ได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน
ทีนี้ ราคามันก็จะขึ้นกับว่าเราซื้อกี่วันและกี่ประเทศ
เช่น ถ้าเทียบราคาของตั๋ว 2 ประเทศ แบบ 5 วัน 2nd class
ออสเตรีย-ฮังการี = 265 $
ออสเตรีย-เยอรมัน = 321$
จะเห็นได้ว่าราคาตั๋วขึ้นกับว่าเลือกประเทศคู่ไหน   
ส่วนราคาตั๋ว 3,4,5 ประเทศ  แบบ 5 วัน อันนี้มีแต่ 1st class
3 ประเทศใดๆ  = 417$
4 ประเทศใดๆ  = 467 $
5 ประเทศใดๆ  = 513 $
 3,4,5 ประเทศ นี่เลือกอะไรก็ได้ ราคาเท่ากันหมด 

 ราคาตั๋ว EURail นี่แพงนรกแตก และเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อีกก้อน ในการเที่ยวยุโรปเลยล่ะ
คิดง่ายๆ 3 ประเทศ 5 วัน 417$ = 13,000 บาทเข้าไปแล้ว
เพราะฉนั้นก่อนจะไปเที่ยว ควรจะคิดวางแผนการเดินทางให้รอบคอบ
ว่ามีการเดินทางด้วยรถไฟมากน้อยขนาดไหน แล้วราคาตั๋วเป็นเที่ยวๆมันเท่าไหร่ ถ้าเราซื้อล่วงหน้าก็จะได้ลดราคาเยอะอยู่
พอรวมๆทั้งหมดแล้ว เทียบกับซื้อ EURail อะไรคุ้มกว่ากัน แล้วค่อยตัดสินใจ

ข้อดีของ EURail คือขึ้นรถเที่ยวไหนก็ได้ เพราะฉนั้นถ้าตกรถเที่ยวที่ตั้งใจ ก็ขึ้นอันอื่นได้ ไม่เสียเงิน
ทำให้คนส่วนใหญ่ จะยอมซื้อตั๋วนี้ เพราะมี Flexibility ในการเดินทาง

การซื้อตั๋ว EURail ใช้บัตรเครดิตได้ กดซื้อ online ไม่ยากเย็น
เลือก option ซื้อ insurance ป้องกันตั๋วหายด้วยก็ดี เกิดโดนล้วงกระเป๋าไป จะได้ไม่เสียหายซ้ำซ้อน
ถ้าเกิดตั๋วหาย เราจะต้องซื้อตั๋วรถไฟเองไปก่อน
แล้วพอกลับถึงบ้าน ก็เอาตั๋วที่ซื้อทั้งหมด ส่งไปให้ทาง EURail พร้อมกับตั๋วเครื่องบินตั๋วจริง
จากนั้นเค้าจะพิจารณาคืนเงินที่เราใช้ไปให้ ไม่เกินอัตราส่วนค่าตั๋วและจำนวนวัน
เช่น ซื้อ 5 วัน 500 $ แล้วใช้ไป 2 วัน หาย
อีกสามวัน เค้าจะจ่ายให้เราในจำนวนที่น้อยกว่าโดยเทียบระหว่าง
1. สัดส่วนของค่าตั๋วที่เหลือ ในกรณีนี้คือ 300$
2. การใช้งานจริง
เช่นถ้าเราใช้รถไฟอีก 3 วัน แต่ซื้อตั๋วไปรวมแค่ 250$ เค้าก็จะชดใช้ให้ 250$
แต่ถ้าเราใช้ไป 350$ เค้าก็จะคืนให้ 300$ 
ถ้าเราไม่ได้ซื้อประกันไว้ ที่เหลือจ่ายเอง ก็คิดดูละกัน ว่าอ่วมขนาดไหน

ทีนี้ หลังจากกดซื้อแล้ว เค้าจะส่งตั๋วมา จากสิงคโปร์ สามวันก็ถึงละ รวดเร็วมาก
ส่วนการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องใช้ติดกัน คือใช้วันเว้นวันได้
แต่ก่อนจะใช้งาน ต้องเขียนวันที่ลงในตั๋วให้เรียบร้อย ก่อนพนักงานเค้ามาตรวจ ไม่เช่นนั้นจะโดนปรับ 200 Euro นะ 
ป้องกันกรณีคนไม่ยอมเขียน ถ้าไม่โดนตรวจตั๋ว จะได้ขึ้นฟรี ไม่เสียวัน อะไรงี้ เพราะฉนั้นอย่าทำเลย
โดนปรับแล้วจะเสียมากกว่าได้


ทีนี้ ไม่ใช่ว่ามีตั๋ว EURail แล้วจะนั่งที่ไหนก็ได้
เราแค่มีสิทธิขึ้น แต่ต้องนั่งเก้าอี้ ที่ไม่มีคนจองเท่านั้น
ถ้าเก้าอี้ไหนมีคนจอง เค้าจะมีป้ายบอก

ส่วน Last-Minute-Res นี่แปลว่า อาจจะมีคนจองหรือไม่ก็ได้ ก็เสี่ยงดวงเอา
ถ้าเกิดมีคนเดินมาบอกว่าเค้าจองไว้นะ เราก็ต้องลุกให้
ส่วนถ้าอยากจองที่ ก็ทำได้ที่ Ticket Office แต่ต้องเสียเงินเพิ่ม


วันนี้เราขึ้น RJ (RailJet) ซึ่งเป็นรถไฟวิ่งจาก Munich ไปถึง Hungary
แต่เรานั่งแค่จาก Munich - Salzburg ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง


เรามาถึง Salzburg กันตั้งแต่ 9 โมงเช้า 


เราพักกันที่ Ramada Hotel Salzburg City Centre
โรงแรมเดินสิบก้าว จากสถานีรถไฟ Salzburg HBF สะดวกโคตร


ห้องพักสะดวกสบาย


มีน้ำเปล่าแบบแก๊สให้กินฟรีแต่ไม่ได้กิน ไม่คุ้นเท่าไหร่
กินน้ำก๊อกเอาดีกว่า
พอเก็บของเสร็จ ก็ออกเดินทางกันได้เลย
ป้ายรถเมล์ ก็อยู่หน้าโรงแรมนั่นแหละ
สวรรค์ของ backpacker แท้ๆ โรงแรมนี้


จุดหมายแรกคือ Mirabell Garden
ซึ่งอยู่ที่สถานี Mirabellplatz


มาคราวนี้ดอกไม้กำลังสวยเลย ต่างกับครั้งก่อนมาก


คนยังไม่เยอะ เพราะยังเช้าอยู่


ไม่ได้เจอกันสามปี หน้าตายังหล่อเหมือนเดิมนะเรา


น้ำพุของ Mirabell Palace


เพกาซัสยืนเด่นเป็นสง่า


อุโมงค์ไม้เลื้อยที่ไม่มีคนสนใจ


ดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสวยงาม


มุมเด็ดของ Mirabell Gargen ที่มองไปเห็น Hohelsalzburg พอดี


น้ำพุกลางสวน Mirabell


ออกจาก Mirabell Gargen มาด้านหลัง
แล้วเดินข้ามสะพาน Makartsteg เพื่อเข้าสู่เขตเมืองเก่า
บนสะพานก็มีพวงกุญแจคู่รักเต็มไปหมด


ก่อนที่จะลุยเขตเมืองเก่า พวกเราก็พักเติมพลังกันที่ร้านนี้


เป็นร้านอาหารพื้นๆ ขายของกินง่ายๆ
ทุกคนคงรู้ว่านี่คือ Fish & Chip สุดเบสิก
ในเขตเมืองเก่า ร้านอาหารมีน้อย และแพง

ตอนนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ บ่ายวันนี้เราจะลุยเขตเมืองเก่าทั้งหมดของ Salzburg






No comments: