Friday, August 09, 2013

EUROPe in REWiND #005.1

ก่อนจะเริ่มวันที่ 5
ขอแนะนำตัว เพื่อนร่วมทางที่ขาดไม่ได้

2013-07-14 15.42.07

จะอะไรซะอีก กล้องถ่ายรูปนั่นเอง
OLYMPUS OM-D E-M5

เลนส์ที่ใช้มีแค่สองตัวคือ
Panasonic : LUMIX G X VARIO
12-35mm F2.8 ASPH. POWER O.I.S.
และ
Panasonic : LUMIX G VARIO 7-14mm F4.0 ASPH.

98 % ของรูปที่ถ่ายใช้เลนส์ซูม 12-35 F2.8 นี่แหละ แจ่มจริงๆ
ส่วนที่เหลือใช้ไวด์ 7-14 ถ่ายในที่แคบๆเช่นโบสถ์
พกแบตเตอรี่ไปสองก้อน เมม 5 แผ่น
ถ่ายแบบ JPEG+RAW
ทั้งทริปกดไปเกือบ 3,000 รูป

แต่ก่อนเคยใช้กล้อง Nikon D90 ซึ่งค่อนข้างหนัก แถมต้องพกเลนส์ไปเปลี่ยนอีก 
สังขารก็แก่ลงเรื่อยๆ ถือของหนักๆคงไม่เหมาะ เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้กล้องเล็ก
อุปกรณ์ชุดนี้เหมาะกับการไปแบบ backpack มาก เพราะน้ำหนักเบา และรูปที่ได้มีคุณภาพที่ดีมาก
ส่วนราคาเซตนี้ อาจจะหนักมือไปนิด

====================================

มาเรื่องทริปกันต่อ
วันนี้เราจะเดินทางข้ามประเทศ
ไปยังเมือง Innsbruck ใน Austria
ขึ้นรถไฟ EC (EuroCity) จากมิวนิคไปใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง

P7150001

ปรกติเวลาเดินเที่ยว เราจะเก็บพาสปอร์ตไว้ในเซฟที่โรงแรมเสมอ แล้วเอาตัว copy ติดตัวไป พอแล้ว
มีข้อยกเว้นวันที่ข้ามประเทศจำเป็นต้องเอาพาสปอร์ตตัวจริงมาด้วย
เพราะพอข้ามแดน ก็จะมีตำรวจมาเดินตรวจพาสปอร์ตทันทีทันใด

Innsbruck เป็นเมืองหลวงของรัฐ Tyrol
ตั้งอยู่ในหุบเขาจึงเป็นเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบ
และมีแม่น้ำ Inn ไหลผ่านกลางเมือง

P7150007

ในมุมมองของนักท่องเที่ยว Innsbruck หลายครั้งกลับถูกมองข้าม
เพราะดูไม่มีอะไร นอกจากวิวที่สวยงามของเมือง ที่ข้างหลังเป็นภูเขามีหิมะปกคลุม
แต่ในมุมกลับ สิ่งนี้แหละที่ทำให้เมืองมีสเน่ห์ และทำให้ผู้คนอีกมากรักและหลงไหลเมืองนี้

P7150008

เมื่อเดินทางมาถึงเราก็แวะหาของกินที่สถานี
อันนี้เป็นแฮมกับ Potato Wedges
ตัว Wedges นี่จะต่างกับ French Fried ตรงที่จะทอดหรืออบโดยไม่ปอกเปลือก
จากที่กินมา รู้สึกว่าอร่อยสู้ French Fried ไม่ได้ 

P7150044

การเที่ยวเมืองนี้ แนะนำให้ซื้อ Innsbruck Card
ซึ่งจะทำให้เราขึ้นรถฟรี เข้าดูสถานที่ฟรีหมดเลย คุ้มค่ามาก
ตอนแรกเราก็วางแผนมาเดินชิลๆในเมือง
แต่คุณลุงที่เป็น Tourist Information น่ารักมาก
แกแนะนำให้เราขึ้นเขา ไปดูวิวข้างบนที่
Innsbrucker Nordkettenbahnen

แกบอกว่าสวยมากๆ ให้รีบขึ้นไป ก่อนฟ้าจะมีเมฆเยอะ เดี๋ยวจะไม่สวย
เราก็เชื่อลุงสนิทใจ

P7150010

ออกมาจากสถานีรถไฟ ก็มาขึ้นรถราง เพื่อมุ่งไปยังสถานี Congress ที่จะสามารถขึ้นรถกระเช้าได้

P7150014

เราก็มึนๆ รีบไปตามที่ลุงบอก
แกบอกว่าถ้าเห็นสถานีรูปประหลาดๆ แสดงว่าไปถูกทางแล้ว
เราก็โอเค เห็นทางลงแบบนี้แสดงว่าไม่หลง


 
ช่วงแรกก็ขึ้นรถรางแบบนี้ไต่ความสูงไป 3 สถานี
แล้วไปขึ้นกระเช้าต่ออีกทีหนึ่ง
โดยรวมแล้วเราต้องนั่งรถรางขึ้นไปสามสถานี
และไปต่อกระเช้าอีกสองครั้ง เพื่อขึ้นไปจุดสูงสุด



เจอป้ายแบบนี้ก็สบายใจ ขึ้นสีเขียวแสดงว่า Service ส่วนใหญ่เปิดให้บริการ



เราเริ่มจากสถานี Congress แล้วขึ้นไปสุดที่ Hafelekar ซึ่งสูง 2,256 เมตร 



ที่สถานี Hungerberg ที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างรถรางกับกระเช้า
จะมีร้านอาหาร ที่นั่งกินไปดูวิวไปได้ เห็นลุงป้าฝรั่งก็มานั่งกินไวน์กัน ท่าทางมีความสุข 
ดูๆไปเมือง Innsbruck ก็เป็นเมืองที่ใหญ่พอตัวเหมือนกัน



หลังจากขึ้นกระเช้าไปถึงข้างบน ก็ต้องเดินขึ้นไปที่ยอดเขาเพื่อชมวิว



หน้าตากระเช้าก็ประมาณนี้ 



จุดหมายของเราอยู่ไกลลิบๆโน่น เดินขึ้นเขาไม่นานก็ถึง
อากาศข้างบนค่อนข้างเย็น และลมแรง แต่แดดก็แรงไปด้วย
 ใครจะไปขึ้นเขา จงอย่าลืมเอาแว่นกันแดดไปด้วยเด็ดขาด



ระหว่างทางขึ้นไป ก็มีเก้าอี้ให้นั่งชมวิว ถ้าแดดไม่ร้อนมาก ก็น่านั่งนะ



ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิวบนยอดเขาจนได้



วิวข้างบนสวยมากๆ ประทับใจสุดๆ

ขึ้นมา  2,200 เมตร ปรากฎว่าเจอหิมะนิดเดียว
ก็เพราะช่วงนี้เป็นหน้าร้อน
ถ้ามาหน้าอื่นนี่อาจจะขึ้นมาไม่ถึงตรงนี้ ยกตัวอย่างเมื่อหลายปีเราก่อนเคยมาที่นี่ช่วงเดือนเมษายน
พอขึ้นมาถึงสถานี เดินออกไปได้หน่อยเดียว แทบมองทางไม่เห็นเพราะหิมะตก และมีลมแรง
เลยเปลี่ยนใจเดินกลับ กลัวจมหิมะตาย สรุปว่ามาไม่เห็นวิว  เห็นแต่หิมะ
ครั้งนี้ได้มาเห็นอีกแบบที่ต่างกันสิ้นเชิง



ตอนเดินลงเจอหินกองแบบนี้หลายกอง
ไม่แน่ใจว่าเป็นวัฒนธรรมหรือความเชื่อของประเทศไหน

ตอนขาลง คนน้อย แต่กระเช้าที่สวนขึ้นมา อัดแน่นเป็นปลากระป๋องเลย
โชคดีที่เราขึ้นมาแต่เช้า

บ่ายวันนี้เราจะเข้าไปเดินในเมือง และแวะไป Swarovski World
พบกันใหม่ตอนถัดไป

No comments: