Monday, August 12, 2013

EUROPe in REWiND #007.2


ลงรถเมล์ที่ป้ายนี้เลย




Schloss Hellbrunn เป็นวังพักผ่อนหย่อนใจของผู้ปกครอง Salzburg  โดยปรกติพวกเค้าจะแวะมาในตอนกลางวันและกลับ Salzburg ตอนเย็น ทำให้ในพระราชวังนี้ ไม่มีห้องนอน
จุดเด่นของที่นี่ ที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาจำนวนมากคือ Trick Fountains ที่เรากำลังจะเข้าไปดูนี่แหละ

   
การแสดงมีเป็นรอบๆ เอา Salzburg Card ไปแลกตั๋วจริงๆซะก่อน
ที่นี่ปรกติแล้วคนก็จะไม่เยอะ ครั้งนี้รอประมาณ 20 นาที



ไกด์ก็จะพาไปดูเรื่อยๆ แล้วก็จะมีการไปกดปุ่มควบคุมน้ำให้พุ่งไปโดนคนเข้าชมเป็นระยะๆ



ถ้าไม่อยากเปียกน้ำก็ไม่ยาก แค่คอยดูว่ามันมีรูฉีดน้ำตรงไหนบ้าง แล้วก็หลีกเลี่ยงซะ



ยกเว้นห้องท้ายๆ ที่ต้องเข้าไปข้างใน และเดินออกมาด้านนอกตอนจบ  ไม่มีทางเลี่ยงแบบเดิมได้
ก็แค่รออยู่ข้างในจนไกด์เลิกแกล้งแล้ว ค่อยออกมาตอนหลังสุด
สำหรับคนมีกล้องถ่ายรูป ก็ต้องปิดหน้ากล้องให้ดี ละอองน้ำยังไงก็เปื้อนเลนส์แน่ๆ ส่วนใครมี Filter ก็รอดตัวไป



พอจบทัวร์ ประตูทางออกก็จะติดกับสวน สามารถเดินชมได้
ทีนี้ เราก็มีทางเลือกว่าจะเดินออกด้านหน้าเพื่อขึ้นรถเมล์กลับ หรือไปดู Salzburg Zoo ซึ่งอยู่ข้างๆต่อ



จาก Hellbrunn เดินไปสวนสัตว์แค่นิดเดียว 



เห็นแบบนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ย ว่าต้องเอาบัตรเบ่งไปแลก



Salzburg Zoo เป็นสวนสัตว์เล็กๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ



แม่สิงโตตัวนี้ จ้องม้าลายที่อยู่กรงฝั่งตรงข้ามตาเป็นมัน แต่จ้องไปจนตายก็ไม่ได้กินหรอก น่าสงสารแท้ๆ



ที่เราแวะมาสวนสัตว์ เพราะตั้งใจจะมาดูตัวนี้ 
มันคือ Alpaca แต่มันขี้เรื้อนมาก
เทียบกับที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีอัลปาก้าให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม
ไอ้เราก็นึกว่ามันจะขาวๆปุยๆเหมือนกัน แต่ที่ไหนได้ ...



นอกจากขี้เรื้อนแล้ว มันยังตัวเหม็นอย่างร้ายแรงอีกด้วย เข้าไปใกล้นี่แทบสลบ
พอเห็นอัลปาก้าเป็นแบบนี้ เราเลยตัดสินใจออกจากสวนสัตว์ เพื่อไปยังจุดหมายถัดไป


น้องอัลปาก้าตัวนี้เหมือนโดนจับแยกขัง มันร้องได้ทรมานใจจริงๆ ลองฟังดู


ที่ๆเราจะไป จะต้องมาต่อรถที่ Huapbahnhof ก็เลยขึ้นรถเบอร์ 25 กลับมา แล้วก็ไปต่อรถเบอร์ 1 
แต่ทีนี้เค้าเปลี่ยนการเดินรถนิดหน่อย ทำให้รถสาย 1 จะไม่มาจอดที่นี่แล้ว เราเลยต้องตามลายแทงนี่ไป
ประเทศเจริญแล้วเค้าทำ Information ได้ดีมาก ไม่เหมือนเมืองไทย ที่นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน เคยเห็นฝรั่งมารอรถเมล์ ที่ไม่วิ่งอีกแล้วอยู่เป็นประจำ


อันนี้เค้าทำเป็นรูปเท้าสีเหลืองๆ จากจุดเดิม มาถึงจุดที่เป็นป้ายทดแทน ระยะทางหลายร้อยเมตร
เราเดินตามมาเรื่อยๆ ยังไงก็ไม่หลง 



จุดหมายสุดท้ายในวันนี้คือ Stiegl's Brauwelt
ซึ่งต้องลงรถเมล์สาย 1 ที่ป้าย Bräuhausstraße และเดินต่ออีกนิดหน่อย
แปลง่ายๆก็คือโรงผลิตเบียร์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธพันธ์ด้วย 
ก็เทคนิคเดิม ให้เรามาดูพิพิธพันธ์ แล้วออกมาก็มีร้านของที่ระลึกกับร้านอาหาร พร้อมขายเบียร์ไปด้วย 



  Stiegl เป็นเบียร์ประจำเมืองของ Salzburg มาแต่โบราณกาล ทำมาเป็นหลักร้อยปี
แต่ตัวพิพิธพันธ์ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ที่เรามาก็เพราะสิ่งนี้ต่างหาก
เค้าจะแจกคูปองให้คนละ 3 ใบ ให้มาแลกเบียร์กินได้ฟรีที่ร้านอาหาร


เบียร์ของเค้ามีหลากหลายมาก ดูจากเมนูที่ถ่ายมาก็มี
เบียร์ธรรมดา(มีแบบเงิน และแบบทอง)  เบียร์ไม่ปรุงแต่ง เบียร์ดอกไม้ เบียร์องุ่น เบียร์มะนาว เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ เบียร์ไบโอ (รสเหมือนกินเบียร์ผสมหญ้าและดิน)  เบียร์แบบ Limited Edition



เราก็เลือกๆมาให้ครบโควต้า กินกันจนมึน 
และสั่งอาหารกินจานนึง ไม่ให้ท้องว่างเกินไป

พอกรอกเบียร์ลงท้องหมด ก็พากันกลับโรงแรมแบบอารมณ์ดี ถึงโรงแรมก็นอนหลับอย่างรวดเร็ว





No comments: