Thursday, August 15, 2013

EUROPe in REWiND #009.2

จุดหมายแรกของเราคือ สถานี Stephansplatz 
ซึ่งเป็นที่ตั้งของ St. Stephen's Cathedral (Stephansdom)
นั่งรถใต้ดิน (U-Bahn)  สาย U3


รถไฟใต้ดินของเวียนนา เหมือนระบบทั่วๆไปของยุโรป เค้าไม่มี Gate เหมือนระบบ BTS, BMCL
ส่วนรับตั๋วโดยสาร จะเป็นแค่เครื่องตอกบัตร ว่าเริ่มใช้งานเวลาไหน ก่อนเข้าไปเราก็เอาตั๋วไปปั๊มก่อน
ที่เค้าทำแบบนี้ได้  ก็เพราะเค้าใช้ระบบความซื่อสัตย์ และมีระบบ Penalty ที่หนักหน่วงเข้าจัดการ
ถ้ามีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจตั๋ว และคุณไม่มี จะโดนโทษปรับหนักมาก

นอกจากนั้น ภายใจสถานียังไม่มียามอยู่เลย แต่ใช้ระบบกล้องสอดแนมแทน
ต่างกับ BTS ที่มียามคอยเป่านกหวีดตลอดเวลา


โผล่ขึ้นมาที่สถานี Stephansplatz ก็เจอโบสถ์ St. Stephen ยิ้มให้ทันที
ครั้งนี้โชคดี ที่การซ่อมแซมด้านหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้เรามีรูปถ่ายสวยๆเช่นนี้
เมื่อครั้งที่แล้วด้านหน้ายังปิดซ่อมบางส่วน หมดราศีไปเยอะเลย

 โบสถ์ St. Stephen เป็นโบสถ์ที่มีความสำคัญของศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคทอลิก ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี คศ 1147


รูปนี้เป็นมุมข้าง เทียบเทียบกับรูปตอนที่ยังซ่อมอยู่


รูปนี้ถ่ายตอนมาครั้งที่แล้ว จะเห็นว่าตรงกลางกับด้านขวาทั้งแถบเป็นรูปจำลองหมดเลย



อีกด้านของโบสถ์ ยังซ่อมอยู่ ไม่รู้ว่ากว่าจะทำเสร็จทั้งหมดนี่อีกกี่ปี


รูปนี้ซูมให้เห็น 2 Tone  ชัดๆ เทียบกันระหว่างส่วนที่ซ่อมแล้ว กับส่วนที่ยังไม่ได้ทำ


หลังคาของโบสถ์เป็น Mosaic มองแล้วตาลาย


ข้างในโบสถ์เข้าฟรี แต่จะมีรั้วกั้น ถ้าอยากเข้าไปมากกว่านี้ จะต้องจ่ายเงิน


เห็นโปสเตอร์ที่ขายอยู่มีรูปแบบนี้ เลยไปถ่ายมาบ้าง


เดินมาจาก St.Stephen แค่ไม่กี่สิบเก้า จะเจอกับ Plague Column (Pestsäule)
ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงชัยชนะเหนือโรคระบาดครั้งใหญ่ที่เวียนนาในปี 1679
สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Great Plague of Vienna


ส่วนยอดของ Pestsäule ประดับด้วย Holy Trinity
ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชื่อว่าพระเจ้าประกอบสามส่วนคือ Father, Son และ Holy Spirit 


เวียนนาเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อมากเรื่องศิลปะ ไม่ว่าเดินไปทางไหน ก็เจอแต่งานศิลป์


รูปปั้นอันนี้น่าสงสาร ไม่ได้มีแผงกั้นไว้เหมือนกับอันอื่นๆ ทำให้มีนกมาเกาะ และขี้ใส่เละเทะไปหมด


ถัดจาก  Pestsäule มาอีกสิบเก้า เราจะเห็น St. Peter's Church
ตอนแรกมีการทำพิธีทางศาสนาอยู่ เราจึงไปเดินเล่นที่อื่นก่อน แล้วค่อยย้อนมาใหม่


ภายในโบสถ์เป็นศิลปะแบบ Baroque 


การตกแต่งเป็นไปอย่างสวยงาม


ส่วน Altar


เดินไปเดินมาชักเริ่มหิว เลยแวะกินข้าวที่ร้าน Chattanooga ซึ่งขายทั้งเครื่องดื่มและอาหาร
ร้านตั้งอยู่ด้านหลัง Pestsäule เยื้องไปทางโบสถ์ St. Stephen



อาหารที่เราตั้งใจมาทานคือ American Pork Ribs  ก็อร่อยดี



กินอิ่มเสร็จแล้วก็เดินดูของสวยๆงามๆต่อ
อันนี้คือ Ankeruhr Clock อยู่แถวๆ Hoher Markt ซึ่งก็เดินมาแว๊บเดียว



ถัดจาก Ankeruhr Clock ก็เป็น Wedding Fountain (Vermählungsbrunnen)
สวยทุกอย่าง สมกับเป็นเมืองแห่งศิลปะจริงๆ 



ไปทางไหนก็มีแต่สิ่งสวยงาม ให้มองเป็นอาหารตา อาหารใจ


บริเวณรอบๆ St. Stephen ถูกรายล้อมด้วยร้านค้า Brand Name จำนวนมาก
แม้กระนั้นก็ยังมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปตลอด


ร้านนี้ขายของที่ระลึกที่เกี่ยวกับ Gustav Klimt ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดัง 
เรามีแผนจะไปดูผลงานชิ้นเอกของเค้าในวันมะรืน
จริงๆอยากซื้ออะไรกลับบ้านสักชิ้น แต่ก็ไม่มีอะไรถูกใจ




มีคนมาเล่นมายากลลอยตัวอีกแล้ว



บริเวณหน้า St. Stephen จะมีคนมาเดินขายตั๋วคอนเสิร์ตกันมากมาย 
ไหนๆมาแล้วก็เลยลองฟังสักหน่อย สักครั้งในชีวิต



ระบบ Acoustic ในโบสถ์ดีมากอย่างเหลือเชื่อ เสียงของเครื่องดนตรีที่เล่นออกมาไม่มีสะท้อนเลย
เหมาะกับการเล่นคอนเสิร์ตยิ่งกว่า Hall แสดงคอนเสิร์ตในบ้านเราซะอีก
พอฟังจบเราเลยมีโอกาสถ่ายรูปข้างใน ประมาณสองสามนาที



ด้วยความรีบก็เลยถ่ายอะไรไม่ได้มาก เค้าเริ่มปิดไฟไล่คนแล้ว



และแล้วเราก็จากลา City Center สู่ที่ซุกหัวนอน

No comments: