Friday, August 23, 2013

EUROPe in REWiND #010.2

ช่วงบ่ายวันนี้มีโปรแกรมไปลุยต่อกันอีกหลายที่
เริ่มจาก Kunsthistorisches Museum  (Museum of Art History)
ตัว Museum นั้นอยู่ใกล้กับ Hofburg มาก  เดินชิลๆสักสิบห้านาทีก็ถึง
ถ้ามาจากที่อื่น ขึ้น U Bahn สาย U2 มาที่สถานี MuseumsQuartier 
หรือ U3 มาที่สถานี Volkstheater ก็ได้เหมือนกัน


 ด้านหน้าของ Kunsthistorisches Museum คือ Maria-Theresien-Platz 
ซึ่งมีอนุสาวรีย์ของ Maria Theresa of Austria
Maria มีลูกมากถึง 16 คนเพื่อส่งไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับชาติรอบๆ
คนที่ดูจะโดดเด่นที่สุดก็คือ Marie Antoinette  ซึ่งไปเป็นภรรยาของ Louis XVI และถูกตัดหัวด้วยกิโยติน

ตรงข้ามกับ Kunsthistorisches Museum จะเป็น  Museum of Natural History of Vienna
(Naturhistorisches Museum Wien)
Museum ทั้งสองอันนี้หน้าตาเหมือนกันยังกับฝาแฝด ก็อย่าเข้าผิดด้านละกัน
เนื่องจากเรามีเวลาน้อย จึงไม่ได้เข้าชมเรื่องธรรมชาติ 
ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจอยู่แล้วด้วย งานนี้เรามาเที่ยวชมศิลปะเป็นสำคัญ


ตู้ขายตั๋วสีทองสวยงาม ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนี้


ตั๋วพร้อม ก็ลุยกันเลย รูปในตั๋วสองใบคือ
Tower of Babel และ Sogenannte Saliera
ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่จัดแสดงที่นี่


ที่นี้ห้ามเอากระเป๋าสะพายเข้าไป ต้องฝากไว้ที่ Locker ชั้นใต้ดินก่อน
จะปิด Locker ต้องใช้เหรียญ 1 หรือ 2 ยูโร
จำที่บอกไว้ในบท Trip and Trick ได้ใช่ไหม นี่แหละเวลาจำเป็น
 

Museum มีการจัดแสดงงานหลาย collection ประกอบไปด้วย 
Egyptian and Near Eastern Collection
Collection of Greek and Roman Antiquities
Kunstkammer Wien
Picture Gallery
จะดูให้เสร็จแบบเข้าถึง คงต้องใช้เวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น
เนื่องจากเรามีเวลาแค่ 4 ชั่วโมง เลยต้องเดินเร็วๆนิดนึง

เราเริ่มดูจากส่วนที่จัดแสดง Egyptian Collection ก่อน 
มีของเกี่ยวกับฟาโรห์และความเชื่อเก่าแก่มากมาย


แผ่นหินตกแต่งเป็นรูปสิงโต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลงานแนะนำใบโบรชัวร์


งานแสดงหลายๆส่วนไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป
ทั้งส่วนที่เป็นของกรีกและโรมัน รวมถึงส่วนของรูปวาดด้วย
แต่โชคดีที่ส่วนที่เป็นงาน Goldsmith ให้ถ่ายรูปได้


มีผลงานสวยๆมากมาย ดูกันไม่ไหว 
ยิ่งถ้าฟัง Audio Guide ไปด้วยยิ่งกินเวลานานมากๆ


นึกไม่ออกว่าคนสมัยก่อน ทำผลงานแบบนี้กันได้ยังไง ใช้เวลาเท่าไหร่


Sogenannte Saliera เป็นผลงานเอกชิ้นหนึ่งที่จัดแสดงที่นี้
งานชิ้นนี้สร้างขึ้นโดยศิลปินชาวอิตาเลียน สั่งทำโดย Francis I of France ในช่วงปี 1539
และถูกให้เป็นของขวัญแก่ราชวงศ์ Habsburgs  ในเวลาต่อมา
ปัจจุบันของชิ้นนี้ทำประกันไว้ที่ราคา 68.3 ล้านเหรียญ (ประมาณเกือบ 2,100 ล้านบาท)



รูปปั้น Theseus Fighting the Centaur เป็นผลงานของศิลปินชาวอิตาเลียน
ถูกสั่งทำโดยนโปเลียน และถูก Emperor Franz Joseph ซื้อต่อมาอีกที
ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงบันไดทางขึ้น
รูปนี้ถ่ายยากมาก เพราะปรกติตรงนี้จะมีคนเดินผ่านและหยุดถ่ายรูปตลอดเวลา 
ต้องรอถ่ายตอนใกล้เวลาปิด และคนออกไปเกือบหมดแล้ว


เมื่อ Museum ปิดเสียแล้ว ก็ต้องจำใจโบกมือลา 
เสียดายเวลาสี่ชั่วโมงที่เตรียมไว้  ไม่เพียงพอที่จะชื่นชมสิ่งดีๆได้ครบถ้วน
แต่นี่ไม่ใช่โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ เรายังมีโปรแกรมไปเดินดูของสวยๆงามๆต่อ
โดยการทำ City Walk ที่ปรับแผนมาจากเวบ Vienna.cc


เริ่มต้นโดยการขึ้นรถไฟสาย U4 มาที่สถานี Stadtpark
ข้างในสวนจะมีรูปปั้นของ Johann Strauss กวีเอกอีกคนหนึ่ง
ผลงานชิ้นเอกของเค้าก็เช่น The Blue Danube Waltz
ซึ่งเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินผ่านหูมาแล้วแน่นอน

 
เดินออกจาก Stadtpark ไปเรื่อยเปื่อยตามถนน Lothringerstraße  
มีรูปปั้นของ Ludwig van Beethoven เจ้าของผลงาน Symphony หมายเลข 5 อันโด่งดัง 
และยังมี Moonlight Sonata อีกด้วย ฟังแล้วขนลุก :)


ต่อมาก็ผ่านน้ำพุ Hochstrahlbrunnen และ Soviet War Memorial ที่ตั้งอยู่ด้านหลัง
ตัว Memorial นี้สร้างขึ้นในปี 1945 เพื่อรำลึกถึงทหารของสหภาพโซเวียตจำนวน 17,000 คนที่เสียชีวิต
ในการทำสงคราม Battle of Vienna ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง
สหภาพโซเวียตชนะสงคราม และสามารถยึดครองออสเตรียได้โดยสมบูรณ์

แม้ว่าออสเตรียจะกลับมาปกครองตนเองได้ใหม่ ในปี 1955 
แต่ก็มิได้ทำลายสิ่งนี้ทิ้ง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับคนส่วนหนึ่ง


อีกจุดที่น่าสนใจคือ St Charles's Church (Karlskirche) 
ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นโบสถ์สไตล์บาโร้คที่สวยที่สุดในเวียนนา
 วิวยอดฮิตคือการยืนมองจากหน้าสระน้ำ เห็นเงาสะท้อนของโบสถ์แบบนี้ 
ตามแบบโปสเตอร์ (ไม่เป๊ะ เพราะเค้าถ่ายกว้าง และไม่มีคน)


มาปิดท้ายที่สถานี Karlsplatz ที่มีทางเข้าออกแบบโดย Otto Wagner
ทางเข้าหน้าตาแบบนี้มีอยู่ 2 อันติดๆกัน อันนึงใช้เป็นร้านกาแฟ
อีกอันใช้เป็พื้นที่จัดแสดงของ Vienna Museum


ระหว่างทางเดินกลับเจอโปสเตอร์มีหน้าของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
คงเป็นกลุ่มที่ต้องการต่อต้านโครงการ Prism ของ US เอามาประกาศนัดชุมนุมแหงๆ





No comments: