Friday, June 20, 2014

EURO2014 ตอน Vatican the Heart of Everything

Vatican เป็นรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ในกรุงโรม เป็นที่อยู่ของ Papal หรือประสันตปาปา ผู้นำสูงสุดของ Catholic Church

เนื่องจากเราไม่อยากลงไปใช้ Metro ในกรุงโรมถ้าไม่จำเป็น จึงใช้วิธีเดินไปวาติกันแทน นอกจากได้ออกกำลังแล้ว ยังได้เดินผ่านสถานที่สำคัญหลายอันอีกด้วย อย่าเช่น Castel Sant'Angelo ที่หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยจาก Da Vinci's Code 

ในรั้ววาติกันนี้จะมีสถานที่สำคัญคือ St. Peter Cathedral, St. Peter Square และ Vatican Museum 

สำหรับที่แรกที่จะไปดูก็คือ Vatican Museum ซึ่งเป็นศูนย์รวมผลงานทางศิลปะจำนวนมาก จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวไปดูกัน


มาถึง Museum ก็ต้องไม่พลาดมุมนี้  บันไดวน มหาชนที่สุดแล้ว 
ตอนนี้สัญญากับตัวเองว่า ก่อนตาย จะต้องกลับไป Vatican Museum อีกครั้ง ครั้งนี้จะไปเดินดู Raphael Room อย่างช้าๆ พินิจพิจารณาทุกรูป ทุกส่วน ทุกมุมห้อง แล้วค่อยตายอย่างมีความสุข

คำแนะนำสำหรับการเข้าชม Vatican Museum ก็เหมือนกับที่อื่นๆในอิตาลีนะ จอง-ตั๋ว-ล่วง-หน้า เท่านั้น ! ห้ามคิดจะไปเที่ยวมึนๆ แล้วค่อยไปต่อแถวซื้อตั๋วเข้าชมตอนถึงที่ โดยปรกติแถวซื้อตั๋วนี่ต่อกันเป็นชั่วโมงนะคร้าบ


  ภายใน Museum นั้นประกอบไปด้วยผลงานศิลปะจำนวนมาก อันแรกก็คงหนีไม่พ้น ...



Raphael's Room .... ประกอบด้วยภาพวาด Fresco ของ Raphael จำนวนมาก ห้องทั้งหมดมี 4 ห้อง ส่วนนี้อนุญาติให้ถ่ายรูปได้ รูปแรกนี้เป็นรูปที่อยู่บนเพดานห้อง Hall of Constantine ซึ่งมีชื่อว่า The Triumph of Christianity โดยสังเกตจากรูปตรงกลาง มีรูปปั้นล้มแตกกระจาย คอหักอยู่บนพื้น พร้อมกับมีกางเขนพระเยซูอยู่ด้านหลัง สื่อให้เห็นว่า หมดยุคของ Pagan Gods แล้วจ้าาา ศาสนาคริสต์มาแล้ว เชิญท่านหลบไปไกลๆ  

 รูปทุกด้านในห้องทั้ง 4 ห้องล้วนเป็นภาพวาดระดับ Master Piece ทั้งนั้น ดูแค่จากรูปนี้ เป็นแค่ภาพวาดใต้รูปใหญ่ มองเผินๆ เห็นเป็น 3 มิติได้เลย สุดยอดจริงๆ 


อีกภาพที่ขาดไม่ได้ก็คือ The School of Athens ซึ่งเป็นรูปวาดที่สื่อถึงศิลปินชั้นยอดของยุคสมัย รวมเอาไว้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าการสื่อความหมายว่าใครเป็นใครนั้นยังไม่ชัด แต่เท่าที่เดาได้ คนผมยาว ตรงกลางด้านหลังคือ ดาวินชี คนนั่งเอามือค้ำหัวอยู่ด้านหน้าท่าทางไม่คบใครคือมิเคลันเจโล 

ที่ยกมาให้ดูนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของภาพทั้งหมด จาก 4 ห้อง เรียกว่าดูกันซาบซึ้งจุใจเลยทีเดียว ถ้าให้อยู่ที่นี่สัก 3 ชั่วโมงก็คงอยู่ได้ไม่มีเบื่อ 


ด้านในสุดของ Vatican Museum คือ Sistine Chapel ซึ่งเป็นที่อยู่ของผลงานชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นนึงของโลก นั่นก็คือผลงานวาดภาพเพดานของมิเคลันเจโล ที่นำเอาเรื่องราวจาก Book of Genesis มาวาด และมีรูป The Creation of Adam ที่ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่รู้จักศิลปะอะไรเลย ก็คงได้ผ่านตามาบ้างแล้ว


The Creation of Adam เป็นรูปที่ถ่ายทอดเรื่องราวตอนที่พระเจ้า ได้สร้าง Adam มนุษย์คนแรกขึ้นมา ที่เราจะเห็นว่ารูปนี้เอาไปโดนล้อเลียนบ่อยที่สุดก็คงจะเป็นส่วนที่เอานิ้วมาจิ้มกันนั่นแหละ 

ใน Sistine Chapel ห้ามถ่ายรูป ห้ามถ่ายวีดีโอ ห้ามคุย ห้ามหยุดเดิน ห้ามยืนขวางคนอื่น ที่นั่งมีแค่รอบๆนอกที่เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดทัังนั้น  คำแนะนำคือให้หาที่นั่งให้ได้ แล้วเปิดหนังสือคู่มือไล่ดู ทำความเข้าใจที่ละรูป หรือเอาง่ายก็เปิด Rick Steve's Guide ฟัง ให้เวลากับห้องนี้สักชั่วโมงนึงหรือชั่วโมงครึ่ง กำลังดี

ออกจากห้องนี้ไปก็คือหมดแล้ว แต่ทางออกจะมีสองทาง ด้านซ้ายเป็นของคนธรรมดา ซึ่งจะย้อนไปตรงบันไดวน ทางขวาเป็นทางออกของกรุ๊ปทัวร์ ที่จะทำให้เราไปเข้า St. Peter ได้เลย โดยไม่ต้องต่อแถวอีก ก็แนะนำให้ทำเนียนไปกับทัวร์เอเซีย ออกด้านขวานั่นแหละ  ไม่งั้นจะต้องเสียเวลาอีกเป็นชั่วโมง ในการไปต่อแถวมหาโหดตรง St. Peter Square


 ออกจากทางลัดของ Sistine Chapel มาก็จะเจอกับทางเลือกสองอย่างคือเข้า St. Peter กับปีนขึ้นไปดูวิวข้างบน ก็เลือกเอาได้ตามสะดวก

ข้างใน St. Peter มีผลงานชิ้นยอดของมิเคลันเจโลอีกชิ้นนึงนั่นก็คือ Pieta ซึ่งถูกแกะสลักตั้งแต่เค้าอายุ 23 ... เก่งเวอร์ไปมั้ย


ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ โรมันคาทอลิค คงน้อยหน้าที่อื่นไม่ได้


พอเดินชมโบสถ์เสร็จ ก็ต่อด้วยการปีนขึ้นไปดูวิวมุมสูงจาก Dome ของ St. Peter กัน ด้านล่างมีการทำพิธีอะไรสักอย่างอยู่


วิวข้างบน ต้องยกให้เห็นวิวที่สวยที่สุดในกรุงโรมเลย มองเห็น St. Peter Square อย่างชัดเจน

สำหรับการพาเที่ยววาติกัน ก็จบลงเท่านี้ จริงๆแล้วเราใช้เวลาตั้งแต่ เที่ยงครึ่งจนถึงหกโมงเย็น ยังได้แค่ดูผ่านๆ รู้สึกบาปที่ให้เวลาน้อยไป ครั้งหน้ารับรองว่าจะให้เวลากับที่นี่ ตั้งแต่ 9 โมงเข้ายัน 6 โมงเย็น เอามันตั้งแต่เปิดจนปิดเลยนี่แหละ..
 









No comments: